ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์


พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับล่าสุดได้มีการประกาศใช้เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2560 ซึ่งเป็น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับ 2
สำหรับคนที่ต้องใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นประจำ หรือทำงานเกี่ยวกับโลกออกไลน์ต้องพึงรู้ไว้เลยนะคะ เพราะหากใช้ไม่ระวัง เราอาจจะเผลอทำผิดกฎหมายได้ วันนี้เราเลยมาฟื้นความจำอีกครั้ง มาดูกันสักหน่อยว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์คืออะไร และมีเรื่องอะไรที่ชาวเน็ตอย่างเราไม่ควรทำ รู้เอาไว้ เราจะได้ไม่ทำผิดค่ะ

8 เรื่องที่ห้ามทำ ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

1. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ชอบ 
(มาตรา 5-8)
     หากเข้าไปเจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของคนอื่น โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้อนุญาต (ละเมิด Privacy) หรือในเคสที่เรารู้จักกันดีก็คือ การปล่อยไวรัส มัลแวร์เข้าคอมพิวเตอร์คนอื่น เพื่อเจาะข้อมูลบางอย่าง หรือพวกแฮคเกอร์ ที่เข้าไปขโมยข้อมูลของคนอื่นก็มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
บทลงโทษ
     → เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     → เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     → ล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย: จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    →  ดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. แก้ไข ดัดแปลง หรือทำให้ข้อมูลผู้อื่นเสียหาย
 (มาตรา 9-10)
       ในข้อนี้จะรวมหมายถึงการทำให้ข้อมูลเสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมข้อมูลของผู้อื่นโดยมิชอบ หรือจะเป็นในกรณีที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อย่างเช่น กรณีของกลุ่มคนที่ไม่ชอบใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แล้วต่อต้านด้วยการเข้าไปขัดขวาง ทำร้ายระบบเว็บไซต์ของฝ่ายตรงข้าม ให้บุคคลอื่นๆใช้งานไม่ได้ ก็มีความผิด
บทลงโทษ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หมายเหตุ
แต่ถ้าเป็นกรณีกระทำต่อระบบหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตร 12 หรือเข้าถึงระบบ ข้อมูลด้านความมั่นคงโดยมิชอบ จะต้องได้รับโทษจำคุก 3-15 ปี และปรับ 6 หมื่น – 3 แสนบาท และถ้าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับ 2 แสนบาท และถ้าเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ต้องจำคุก 5-20 ปี และปรับ 1-2 แสนบาท

3. ส่งข้อมูล หรืออีเมลก่อกวนผู้อื่นหรือส่งอีเมลสแปม
(มาตรา 11)
         ข้อนี้ก็เข้ากับประเด็นพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ หรือนักการตลาดที่ส่งอีเมลขายของที่ลูกค้าไม่ยินดีที่จะรับ หรือที่รู้จักกันว่า อีเมลสแปม หรือแม้แต่การฝากร้านตาม Facebook กับ IG ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และยังรวมถึงคนที่ขโมย Database ลูกค้าจากคนอื่น แล้วส่งอีเมลขายของตัวเองค่ะ
บทลงโทษ
      ถ้าส่งโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และถ้าส่งโดยไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธตอบรับได้โดยงาน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลทางด้านความมั่นคงโดยมิชอบ (มาตรา 12)
        โพสต์เกี่ยวกับเรื่องการเมืองที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายหรือความมั่นคงต่อประเทศ หรือโพสต์ที่เป็นการก่อกวน หรือการก่อการร้ายขึ้น ก็มีความผิดเพราะมาตรา 12 ได้บอกไว้ว่าการเข้าถึงระบบหรือข้อมูลทางด้านความมั่งคงโดยมิชอบ หรือการโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ที่เข้าข่ายข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือทำให้ประชาชนเกิดอาการตื่นตระหนก และล่วงรู้ถึงมาตรการการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย
บทลงโทษ
→  กรณีไม่เกิดความเสียหาย: จำคุก 1-7 ปี และปรับ 2 หมื่น – 1.4 แสนบาท
→  กรณีเกิดความเสียหาย: จำคุก 1-10 ปี และปรับ 2 หมื่น – 2 แสนบาท
→  กรณีเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย: จำคุก 5-20 ปี และปรับ 1 แสน – 4 แสนบาท

5. จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด (มาตรา 13)
       กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 5-11 (หรือข้อ 1-3 ในบทความนี้) ต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
       กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ มาตรา 12 ต้องจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย

6. นำข้อมูลที่ผิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
 (มาตรา 14)
ในความผิดมาตรา 14 จะระบุโทษการนำข้อมูลที่เปิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ข้อความผิดด้วยกันคือ
→  โพสต์ข้อมูลปลอม ทุจริต หลอกลวง (อย่างเช่น ข่าวปลอม โฆษณาธุรกิจลูกโซ่ที่หลอกลวงเอาเงินลูกค้า และไม่มีการส่งมอบของให้จริงๆ เป็นต้น)
→   โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงปลอดภัย
→   โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ก่อการร้าย
→   โพสต์ข้อมูลลามก ที่ประชาชนเข้าถึงได้
→   เผยแพร่ ส่งต่อข้อมูล ที่รู้แล้วว่าผิด (อย่างเช่น กด Share ข้อมูลที่มีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็มีความผิดค่ะ )
บทลงโทษ
        หากเป็นการกระทำที่ส่งผลถึงประชาชน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นกรณีที่เป็นการกระทำที่ส่งผลต่อบุคลใดบุคคลหนึ่ง ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (แต่ในกรณีอย่างหลังนี้สามารถยอมความกันได้)

7. ให้ความร่วมมือ ยินยอม รู้เห็นเป็นใจกับผู้ร่วมกระทำความผิด (มาตรา 15)
       กรณีนี้ถ้าเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็เช่น เพจต่างๆ ที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น แล้วมีความคิดเห็นที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายก็มีความผิด แต่ถ้าหากแอดมินเพจตรวจสอบแล้วพบเจอ และลบออก จะถือว่าเป็นผู้ที่พ้นความผิด
บทลงโทษ
แต่ถ้าไม่ยอมลบออกต้องได้รับโทษ ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตร 14 ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกันผู้โพสต์ หรือแสดงความคิดเห็นทางออนไลน์ แต่ถ้าผู้ดูแลระบบพิสูจน์ได้ว่า ตนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการแจ้งเตือนแล้วไม่ต้องรับโทษ
หมายเหตุ
ผู้ให้บริการมีหน้าที่เก็บข้อมูลการใช้งานไม่น้อยกว่า 90 วัน 
ในกรณีที่จำเป็น ศาลอาจสั่งให้เก็บข้อมูลเพิ่มได้ไม่เกิน 2 ปี

8. ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงภาพ 
(มาตรา 16)
ความผิดข้อนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลักคือ
       • การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้าง ตัดต่อ หรือดัดแปลง ที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อย่างเช่นกรณีที่เอาภาพดาราไปตัดต่อ และตกแต่งเรื่องขึ้นมา จนทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย ก็ถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ค่ะ
       • การโพสต์ภาพผู้เสียชีวิต หากเป็นการโพสต์ที่ทำให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย
บทลงโทษ
หากทำผิดตามนี้ ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท


สรุป
        พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 หรือฉบับที่ 2 ปัจจุบันมีผลบังคับใช้แล้ว ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่คลุกคลีกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ หรืออินเตอร์เน็ต ก็ควรจะรู้เกี่ยวกับพ.ร.บ.นี้ไว้ค่ะ เพราะเราจะได้ไม่เผลอไปทำความผิด อย่างน้อยๆ ต้องระวัง 8 ประเด็นที่เราได้เขียนเอาไว้เลยค่ะ อีกทั้งการมีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ขึ้นมา ก็ถือว่าเป็นการควบคุมการใช้งานคอมพิวเตอร์ในระดับหนึ่ง และในทางหนึ่งก็ช่วยคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้งานด้วย ใครที่อยากอ่าน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์แบบเป็นทางการสามารถ เข้าได้ที่เว็บไซต์นี้เลยค่ะ
https://ictlawcenter.etda.or.th/files/law/file/80/59100b296f08176ad3bd2c1615489253.pdf



แหล่งอ้างอิง 

https://contentshifu.com/computer-law/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบสารสนเทศในโรงเรียนกุฉินารายณ์

  ประวัติโรงเรียนกุฉินารายณ์ โรงเรียนกุฉินารายณ์ เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดกลาง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลบัวขาว หมู่ที่ 13 ถนนบัวขาว-สมเด็จ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ รหัสไปรษณีย์ 46110 มีพื้นที่ 56 ไร่                    3 งาน 14.10 ตารางวา โรงเรียนกุฉินารายณ์ ประกาศจัดตั้งขึ้นและเริ่มเปิดดำเนินการสอนเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม               พ.ศ. 2496 โดยรับสมัครนักเรียนที่จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีอายุไม่พ้นเกณฑ์บังคับ ถึง 15 ปี  ให้เข้าเรียนต่อจนพ้นเกณฑ์บังคับ คือ ระดับ ม.1 - ม.3 มีนายเฉลิม สารวิถี มาดำรงตำแหน่งครูใหญ่        เป็นครั้งแรกและนายสุพจน์ วันชูเพลา เป็นครูประจำชั้น มีนักเรียนทั้งหมด 38 คน เป็นชาย 30 คน            เป็นหญิง 8 คน เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำอำเภอกุฉินารายณ์สังกัดกองการศึกษาพิเศษกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ปัจจุบัน นายประพันธ์ศักดิ์ ภูศรีฐาน เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน มีรองผู้อำนวยการ 3 คน คือ  ...
สวนหินผางาม  น้ำตกเพียงดิน   อ.คุนหมิง จ. เลย ประวัติ         สวนหินผางาม หรือ คุนหมิงเมืองเลย  เป็นเทือกเขาหินปูนขนาดเล็กใหญ่สลับล้อมรอบ  จากข้อมูลทางธรณีวิทยา สันนิษฐานว่า  คุนหมิงเมืองเลยเดิมเป็นทะเลชายฝั่งที่ต่อกับทวีปเริ่มแรกเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนจากทะเล เช่น ปะการัง เปลือกหอย ซากพืช ซากสัตว์มารวมตัวกับตะกอนที่ถูกพัดมาจากพื้นทวีปและเกิดการทับถมเป็นเวลานาน จึงทำให้มีปริมาณใหญ่โตขึ้น          หลังจากนั้นแล้วเกิดการกดอัดแน่นเป็นหินปูนแผ่นตามรอยต่อของทวีป มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 500 - 750 เมตร เนื้อที่ประมาณ 9,000 ไร่ จากลักษณะทางธรณีวิทยา บ่งชี้ว่ากำเนิดในยุคเพอร์เมี่ยน (permian) อายุประมาณ 250 - 280 ล้านปี           ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก หินดังกล่าวถูกดันตัวยกขึ้นมาเมื่อประมาณ 225 ล้านปีแล้ว ผ่านกระบวนการผุ กร่อน จากลม แดด ฝน และแตกหักจากแผ่นดินไหว การสั่นสะเทือนของแผ่นดินหลายครั้ง จึงทำให้เกิดเขาหินปูนในบริเวณสวนหินผางาม ภายในสวนหินผางามจะมีถ้ำใหญ่...
สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว  อ.คอนสาร  จ.ชัยภูมิ ที่ตั้ง          ตั้งอยู่ที่บ้านผาเบียด หมู่ที่ ๒ ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่า  ภูชําผักหนาม เนื้อที่รวม ๑๖๐ ไร่ โดยกรมป่าไม้ (เดิม) ได้อนุมัติให้จัดตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๓๖ โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์ไม้ท้องถิ่นชนิดต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัยและใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป และชาวอําเภอคอนสารนับถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ําเดือน ๕ ของทุกปี ชาวอําเภอคอนสาร จะทําพิธี “สรงน้ําผุด” ขึ้น ซึ่งชาวบ้านจะทําพิธีนี้เป็นประจําทุกปีสืบทอดกันมาเป็นประเพณีจนถึงปัจจุบัน ประวัติ        ความเป็นมาของน้ำผุดทัพลาวแหล่งต้นน้ำทางธรรมชาติที่สําคัญอีกสายหนึ่งของอําเภอคอนสาร ได้ใช้ลําน้ำสายนี้เพื่อการบริโภคอุปโภคและใช้ในการเกษตรกรรมของประชาชนในพื้นที่ ในอดีตได้มีผู้สูงอายุเข้ามาอาศัยอยู่ก่อนที่จะตั้งหมู่บ้านผาเบียดขึ้น ได้เล่าประวัติเกี่ยวกับน้ำผุดแห่งนี้และมีราษฎรที่มีที่ดินติดกับสวนรุกขชาติน้ำผุ...